วันหนึ่งในเดือนกรกฏาคมที่อากาศแจ่มใส บรรยากาศที่สนามฟุตบอลหญ้าเทียม Likeball – Madyalan Arena บนถนนเสรีไทยคึกคักเป็นพิเศษ เด็กๆ ภายใต้การดูแลของมูลนิธิบ้าน นกขมิ้นได้ลงสนามประลอง ฝีเท้ากับพนักงานของแอกซ่าประกันภัย แบรนด์ประกันอันดับหนึ่งของโลก1 ในฟุตบอลนัดพิเศษ รวมถึงแอกซ่ายังได้มอบอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา และทุนการศึกษาให้แก่มูลนิธิบ้านนกขมิ้น
กิจกรรมดีๆ เพื่อน้องในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของ “แอกซ่า ซีอาร์วีค” หรือ “สัปดาห์บำเพ็ญประโยชน์” (Corporate Responsibility Week) ประจำปี 2562
ของกลุ่มแอกซ่าทั่วโลก ที่มุ่งสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่ผู้ที่ด้อยโอกาส ตามปรัชญาของบริษัทที่มุ่งมั่นดำเนินกิจการด้วยรับผิดชอบต่อสังคม กิจกรรมนี้ยังสะท้อนถึงพันธสัญญาใหม่ของแบรนด์ “Know You Can” เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันทุกช่วงชีวิต ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาพนักงานของแอกซ่ากว่า 36,000 คน ใน 42 ประเทศทั่วโลก ใช้เวลา 67,000 ชั่วโมงบำเพ็ญสาธารณกุศลต่างๆ ในช่วงสัปดาห์ดังกล่าว
“กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในปีนี้พิเศษกว่าทุกครั้ง เพราะสะท้อนถึงพันธสัญญาใหม่ของแบรนด์ ‘Know You Can’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งคำมั่นสัญญาที่แอกซ่าต้องการสนับสนุนให้ทุกคนมีความมั่นใจในการทำสิ่งต่างๆ ให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ และค้นพบความฝันของตนเอง แอกซ่าเชื่อว่าทุกคนสามารถจุดพลังความเชื่อมั่นในตัวเอง ขยับเข้าใกล้เป้าหมายและความสำเร็จได้” มร. โคลด เซนย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าว
“น้องๆ หลายคนในมูลนิธิบ้านนกขมิ้นมีความฝันอยากที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ กลุ่มแอกซ่าเองก็เป็นพันธมิตรหลักกับสโมสรลิเวอร์พูล เราเข้าใจดีถึงความรักและความหลงใหลในกีฬาฟุตบอล ตลอดจนความใฝ่ฝันของเด็กๆ ซึ่ง
คืออนาคตที่สำคัญของชาติ จึงเป็นที่มาของการจัดฟุตบอลนัดพิเศษในครั้งนี้” มร. เซนย์ กล่าว
เด็กหญิงกัลยาณี บุญมาหรือน้องแครอท หนึ่งในสมาชิกของมูลนิธิบ้านนกขมิ้น อายุ14 ปี และกำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสุขุมนวพันธ์อุปถัมภ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 กล่าวว่า “ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี แอกซ่าที่จัดกิจกรรมดีๆ อย่างการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่างแอกซ่าและน้องๆ มูลนิธิบ้านนกขมิ้นในครั้งนี้ หนูรู้สึกสนุกและตื่นเต้นมากค่ะ เพราะหนูได้ลงเล่นเป็นกองหน้า หนูฝันอยากจะเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยและพาทีมไทยไปบอลโลกให้ได้ในอนาคต”
เด็กชายปวริศ เขียวอยู่ หรือน้องแอมเวย์ อายุ 14 ปี อีกหนึ่งในสมาชิกของมูลนิธิบ้านนกขมิ้นที่ร่วมลงสนามในวันนี้ น้องกำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสุขุมนวพันธ์อุปถัมภ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/7 น้องแอมเวย์เป็นอีกหนึ่งคนที่มีฝันอยากเป็นนักฟุตบอล และกล่าวว่า“ประทับใจกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลกับพี่ๆ แอกซ่าในวันนี้มาก เพราะชอบเตะบอลอยู่แล้วและวันนี้ยิงได้หนึ่งประตู ผมอยากให้พี่ๆ จัดกิจกรรมสนุกๆ แบบนี้อีกครับ”
การแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษจบลงท่ามกลางความประทับใจของทุกฝ่าย นอกจากผู้บริหารและพนักงานของแอกซ่าประกันภัยจะได้รับความสุขจากการเป็นผู้ให้แล้ว ยังอิ่มใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สังคมและช่วยให้เด็กๆ เดินตามความฝันของตนเอง
เจ้าของ ‘ซอสพริกศรีราชา’ อัดคลิปจวก สู้เพื่อลิขสิทธิ์มา 7 ปี ยังไม่ได้ จนเวียดนามเอาไปจดแล้ว
จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nisit Buaphuan เผยแพร่คลิปว่าตนเข้าไปซื้อของในห้างสรรพสินค้าและพบเรื่องน่าเจ็บใจเพราะ ซอสพริกศรีราชา แบรนด์คนไทย ที่ขายในราคา 21 บาทต่อขวด กลับโดนคนเวียดนามเอาแบรนด์ไปจดลิขสิทธิ์ที่สหรัฐอเมริกาในชื่อ SRIRACHA ทำให้รวยนับพันล้าน
อีกทั้งยังส่งสินค้ากลับมาขายที่ไทยในราคาขวดละ 170 บาท โดยระบุว่าไทยเสียเปรียบเพราะไม่จดลิขสิทธิ์ อีกทั้งทางเวียดนามเอาซอสของไทยไปทำ branding ใหม่ทำให้ขายดีกว่าถึง 7 เท่าแม้จะราคาสูงกว่า
ในกรณีนี้ ทางเจ้าของแบรนด์ซอสพริกศรีราชา ก็ได้ออกมาอัดคลิประบายความอัดอั้นตอบกลับเช่นกัน โดยชี้แจงว่า จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าไม่จดลิขสิทธิ์ แต่ได้พยายามยื่นสิทธิบัตรไปจดอย่างถูกต้องกับกระทรวงพาณิชย์นานกว่า 7 ปีแล้ว แต่ยังไม่สามารถจดได้
“ผมยื่นสิทธิบัตรไปจดถูกต้องกับกระทรวงพาณิชย์ ผ่านมา 7 ปีแล้วยังไม่ได้ แล้วจะไปสู้อะไรกับเขา แค่ยื่นจดสิทธิบัตรเนี่ยมันใช้เวลา 7 ปี ยังไม่ได้ และไม่ใช่แค่ผมคนเดียว มีปัญหาทุกคน กระทรวงพาณิชย์มันไม่ได้ส่งเสริมอะไรให้ประเทศชาติเลย เอานายหมู นายหมาอะไรขึ้นมาเป็นเจ้ากระทรวงก็ได้ ทำงานห่วยแตกมาก แล้วจะไปสู้อะไรกับเขา ไม่ใช่ว่าเราไม่สู้ แต่รัฐบาลมันเฮงซวย คิดแต่จะแย่งเก้าอี้กันอะ แต่ไม่ทำงาน” เจ้าของแบรนด์กล่าวในคลิปวีดิโอ
ศาลฎีกาพิพากษาคุก “มิตร มิตรชัย” น้องชายลิเกดัง คดีฉ้อโกงเงิน 35 ล้านบาท มิตรมิตรชัย – เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ศาลฎีกามีคำพิพากษาในคดีที่มิตร มิตรชัย หรือ นายคีรีรัก สมณะบารมี ถูกฟ้องในข้อหา ฉ้อโกงเงิน 35 ล้านบาท อ้างไปลงทุนทำคณะลิเก ทำลิเกออนไลน์ และถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ
พิพากษาจำคุกจำเลย 6 ปี ไม่รอลงอาญา และให้ชดใช้เงิน 27 ล้านบาทคืนแก่โจทก์ โดยก่อนหน้านี้คดีมีคำพิพากษาในศาลชั้นต้นเมื่อปี 2559 9 ปี และให้ชดใช้เงิน 35 ล้านบาท คืนโจทก์ แต่ศาลลดโทษให้เหลือจำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา และชดใช้เงิน 27 ล้านบาท
ในชั้นอุทธรณ์ปี 2560 มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น